คนไทยนับว่าเป็นผู้โชคดีที่เกิดมาไม่เคยขาดแคลนนํ้า ไม่ว่านํ้ากินหรือนํ้าใช้ หรือแม้กระทั่งน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและเกษตรกรรม จนแทบมองไม่เห็นความสำคัญของน้ำ และใช้กันแบบไม่เคยคิดจะประหยัด อาจจะเป็นความผิดของภาครัฐที่ปล่อยให้ราคาน้ำประปาราคาถูกก็ได้ แท้ที่จริงแล้ว น้ำไม่ใช่มีความสำคัญแค่ใช้อุปโภคบริโภค แต่น้ำยังเป็นพลังงานยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะสร้างสรรค์หรือทำลาย…ในฉบับนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องของพลังงานที่มนุษย์พึ่งพามาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำยิ่งถือว่าเป็นพลังงานทดแทนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ไม่ว่าจะคิดแบบเศรษฐศาสตร์ สังคม หรือด้านสิ่งแวดล้อมก็ตาม
ท่านทราบไหมว่าพลังงานทดแทนซึ่งหมายถึงการทดแทนพลังงานจากซากดึกดำบรรพ์ (Fossil) แล้วพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากข้อมูล IEA : International Energy Agency ระบุว่า “พลังงานน้ำขนาดเล็ก” ทั่วโลกผลิตได้ถึง 16.6% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และคิดเป็น92% ของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วท่านเริ่มสนใจพลังงานน้ำขนาดเล็ก (Mini Hydropower) ขึ้นมาแล้ว ใช่ไหม? พลังงานนํ้าขนาดเล็ก เรานับตั้งแต่ขนาดเล็กๆ 200 กิโลวัตต์ จนถึงขนาด 10 เมกะวัตต์ แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กกว่า 200 กิโลวัตต์ เราจะเรียกว่าขนาดจิ๋ว (Micro Hydropower)
ในปัจจุบันการพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศไทยไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ ภาครัฐจึงได้หันมาส่งเสริมการพัฒนาพลังงานน้ำขนาดเล็ก โดยเป็นการสร้างเขื่อนขนาดเล็กหรือฝายทดน้ำกั้นลำน้ำ ที่จะพัฒนาโดยการผันน้ำจากฝายทดน้ำหรือเขื่อนไปยังโรงไฟฟ้าด้วยระบบส่งน้ำ โดยอาศัยความต่างระดับของน้ำในลำน้ำนั้นเอง โดยให้น้ำไหลลงมาตามทางน้ำที่สร้างขึ้นที่มีความชันไม่สูงมาก น้ำจะไหลไปรวมกันที่อ่างหรือถังเก็บน้ำ และน้ำจะไหลผ่านท่อแรงดันไปหมุนกังหันน้ำไปขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในอาคารโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไปหรืออาจเป็นการผันน้ำสู่ท่อน้ำแรงดันโดยตรงเลยก็มี โครงการลักษณะนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก การลงทุนต่ำ การนำไฟฟ้าไปใช้งานก็อาศัยการส่งจ่ายไปตามสายส่งไฟฟ้าในหมู่บ้านของโครงการ ที่เรียกว่าแบบ Isolated หรือส่งไฟไปยังหมู่บ้านและเชื่อมต่อเข้าระบบจ่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย ที่เรียกว่า Grid Connected โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กมีลักษณะของโครงสร้างและส่วนประกอบต่าง ๆ ของโครงการแต่ละประเภทมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แบ่งออกได้ดังนี้
1) Micro Hydro หรือโครงการขนาดจิ๋ว หมายถึง โครงการที่มีกำลังผลิตติดตั้งต่ำกว่า 200 kW (กิโลวัตต์) ลงมา ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นแบบ Isolated
2) Mini Hydro หมายถึง โครงการขนาดเล็ก ที่มีกำลังการผลิต 201-6,000 kW (กิโลวัตต์) ซึ่งมีทั้งแบบ Isolated และแบบ Grid Connected
3) Small Hydro หมายถึง โครงการขนาดเล็กที่มีกำลังการผลิต 6-15 MW (เมกะวัตต์) ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Grid Connected
ศักยภาพพลังงานน้ำระดับหมู่บ้าน และพลังงานน้ำระดับเล็ก
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ไดป้ ระเมินศักยภาพพลังนํ้าระดับหมู่บ้าน และพลังนํ้าขนาดเล็ก น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังมีการประเมินศักยภาพพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทานที่มีอยู่ 6,618 แห่งทั่วประเทศไว้ว่า จะมีประมาณ 294 แห่ง ที่สามารถเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ขนาดเล็กมาก และขนาดจิ๋ว กำลังการผลิตประมาณ 115,945 กิโลวัตต์ สำหรับประเทศไทย ไฟฟ้าพลังน้ำที่ใช้ในประเทศมาจาก 3 แหล่งผลิตคือ จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังน้ำในความรับผิดชอบของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และจากโรงไฟฟ้าในประเทศลาว โดยในปี 2552 ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังน้ำที่ใช้ในประเทศมีปริมาณทั้งสิ้น 9,313 GWh
เจตนารมณ์ของผู้เขียนนอกจากจะให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของน้ำที่เราใช้สารพัดประโยชน์อยู่ทุกวันนี้ และให้ภาครัฐเร่งเดินหน้าโครงการพลังงานจากแหล่งน้ำทั้งขนาดเล็กและขนาดจิ๋ว แบบใจกว้างให้ภาคเอกชน หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานน้ำขนาดจิ๋ว (Micro Hydropower) ชุมชนต้องมี ส่วนได้ ไม่ใช่แค่ ส่วนร่วม ชุมชนจะได้เป็นหูเป็นตาช่วยดูแลทั้งแหล่งน้ำและต้นน้ำ…อย่าลืมว่า “น้ำคือชีวิต” ไม่ใช่แค่สินค้าราคาถูกอีกต่อไป ท่านที่สนใจติดตาม “พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ” ที่กำลังรอผ่านสภา แล้วท่านจะทราบทันทีว่า ต่อไปนี้น้ำไม่ใช่ของถูก แม้แต่ท่านนำน้ำในแม่น้ำลำคลองมาใช้ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่าย
ที่มา : พิชัย ถิ่นสันติสุข, Green Nework, November 2015