เมื่อใครพูดถึงคำว่า “อินเดีย” จินตนาการของคนไทยจะไปคนละทิศละทาง ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางจินตนาการ บ้างก็มีมโนจิตไปว่า เป็นตลาดใหญ่มีประชากรมาก บ้างก็เห็นภาพของทัชมาฮาลงามสง่าพร้อมประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ บ้างก็เห็นคนจนขอทานมากมายอันเกิดจากการแบ่งชั้นวรรณะ… และอะไรอีกต่าง ๆ มากมายตามจินตนาการ แต่สำหรับผู้เขียนในฉบับนี้ เรามองเห็นภูเขาทะมึนใจกลางเมืองหลวงกรุงนิวเดลี โอบล้อมด้วยตึกรามบ้านช่องและตลาดจำหน่ายสัตว์เลี้ยง คงไม่ต่างจากภูเขาขยะของบ้านเราแถวอ่อนนุชและหนองแขมก่อนหน้านี้เท่าใดนัก แต่ที่น่าสนใจกว่าเนื่องจากมีความสูงกว่าและใหญ่กว่าบ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ใกล้เคียงชุมชนมากกว่า… นั่นคือ ภูเขาขยะขนาด 5 ล้านตัน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น
ประเทศอินเดียมีประชากรกว่า 1,000 ล้านคนเป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น และมีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองหลวงนิวเดลีสิบกว่าล้านคน ใครได้เยือนนิวเดลีก็คงจะจดจำวิถีการขับรถของชาวภารตะไปอีกนานแบบยากจะลืมเลือน และยิ่งถ้าพลาดโอกาสการนั่งสามล้อถีบผ่านตลาดซอยแคบ ๆ ด้วยแล้ว ก็คงต้องบอกอีกว่าท่านยังไปไม่ถึงนิวเดลี ส่วนบรรดาขอทานมากมายตามแหล่งท่องเที่ยวก็คงเป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศนั้น ๆ การพัฒนายังไม่ยั่งยืนจึง “รวยกระจุก จนกระจาย” คนอินเดียส่วนใหญ่ราว 80% นับถือศาสนาฮินดูจะมีนับถือศาสนาอิสลามบ้างประมาณ 10% ส่วนศาสนาพุทธนั้นน้อยมาก ถึงแม้จะเป็นดินแดนต้นกำเนิดพุทธศาสนาก็ตาม
กรุงนิวเดลีได้ทำสัญญาระยะยาวเพื่อกำจัดขยะที่ตกค้าง 5 ล้านตัน และขยะใหม่อีกวันละ 2,000 ตัน กับบริษัท IL&FS Environmental Infrastructure & Service Limited โดยหลักการของประเทศอินเดียก็คือ กำจัดขยะให้ได้ก่อนเป็นวัตถุประสงค์หลัก ส่วนการผลิตไฟฟ้า หรือพลังงานความร้อนเป็นเพียงผลพลอยได้ ดังนั้น ภาครัฐจึงไม่ได้อุดหนุนราคารับซื้อไฟฟ้า โดยปกติอินเดียจะมีอัตราค่าไฟฟ้าไม่ต่างจากประเทศไทยคือ ประมาณ 4 บาทต่อหน่วย องค์ประกอบขยะในกรุงนิวเดลีไม่แตกต่างจากเมืองไทยมากนัก และเมื่อคัดแยกมาเป็น RDF: Refuse Derived Fuel จะได้เป็นเชื้อเพลิงขยะประมาณ 42% ขยะที่เข้ามาใหม่ในแต่ละวันที่ดูแตกต่างจากเมืองไทยเห็นจะได้แก่ ขยะอินทรีย์ (Organic) นิวเดลีมีเพียง 21.22% ในขณะที่ประเทศไทยเฉลี่ยกว่า 50% ซึ่งย่อมเป็นการส่งสัญญาณอะไรหลาย ๆ อย่างในการบริโภคของประชากร ส่วนขยะรีไซเคิลที่เหลือเพียง 1.4% อาจเนื่องจากถูกคัดแยกออกไปขายก่อนถึงบ่อฝังกลบก็เป็นไปได้ (ลองศึกษาองค์ประกอบดังต่อไปนี้)
ยุทธการเคลื่อนย้ายภูเขาขยะเริ่มขึ้นเมื่อกรุงนิวเดลีทำสัญญาให้บริษัทเอกชนด้วยการคัดแยกเป็น RDF ก่อนแล้วจึงนำไปผลิตไฟฟ้า เพื่อหยุดไม่ให้ภูเขาสูงขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกันก็นำขยะจากภูเขามากำจัดไปด้วย ซึ่งไม่ง่ายเลยในการรื้อบ่อฝังกลบที่สูงราวตึก 10 ชั้น และเต็มไปด้วยก๊าซมีเทนลอยให้เห็นพร้อมที่ติดไฟได้ทันที มีทั้งกลิ่นมีเทนและกลิ่นขยะเคล้ากันไป ดูน่ากลัวกว่าเมืองไทยแต่โชคดีที่ยังไม่เคยเกิดเพลิงไหม้ พวกเรานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเกิดเพลิงไหม้ภูเขาขยะเนื่องจากอยู่ติดกับโรงไฟฟ้าและชุมชนจนเป็นพื้นที่เดียวกัน
ผู้จัดการฝ่ายการผลิต RDF ของโรงงานนี้ ได้มาดูงานในเมืองไทยเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว และสนใจระบบการจัดการขยะของกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จึงได้ใช้เครื่องจักรหลัก ๆ จากประเทศฟินแลนด์เหมือนประเทศไทย ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ประเทศอินเดียมีอุตสาหกรรมรองรับด้านนี้อยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Boiler และStream Turbine แบรนด์ดัง ๆ ก็ล้วนจ้างอินเดียผลิตแทบทั้งสิ้น สรุปได้ว่าโรงไฟฟ้าก็คือ ยุทธศาสตร์ที่จะลดขยะใหม่ไม่ให้เพิ่มขึ้นไปอีก
ยุทธการต่อมาทางผู้บริหาร บริษัท Timarpur – Okhla Waste Management Company Pvt Ltd. โดย Mr.Dheeraj ได้เล่าให้ฟังว่า กำลังขอสร้างโรงไฟฟ้า RDF ขนาด 20 เมกะวัตต์ โดยเพิ่ม จากขนาด 12 เมกะวัตต์ที่กำลังลังทดสอบการใช้งานอยู่ แต่ระบบใบอนุญาตของอินเดียก็เหมือนประเทศกำลังพัฒนาทั่วไปคือ ปราบเซียน อาจต้องเข้าคิวรอ 2 ปี เป็นอย่างน้อย ไม่ต่างกับเมืองไทยก่อนหน้านี้ ว่ากันว่าระยะเวลากว่าจะได้ใบอนุญาตต่าง ๆ จนครบอาจจะยาวนานกว่าสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศอินเดียเสียอีก
ความน่าสนใจของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะจาก RDF: Refuse Derived Fuel ของอินเดียแห่งนี้ก็คือ ระบบคัดแยกที่มีการผสมผสานระหว่าง ขยะเก่าด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นขยะใหม่ ซึ่งในระบบคัดแยกจำเป็นต้องมีการย่อยด้วยเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงรองรับขยะวันละ 2,000 ตันได้โดยไม่มีปัญหาพร้อมกันนี้ก็ต้องมีระบบดูดอากาศด้านบนทำงานทั่วพื้นที่การคัดแยกขยะ และบริเวณที่คาดว่าขยะจะส่งกลิ่น
สำหรับท่านที่เป็นนักเทคโนโลยี นักนวัตกรรมขอเรียนว่าภูเขาขยะ 5 ล้านตันในอินเดียแห่งนี้ ยังคงตั้งตระหง่านรอนักเทคโนโลยีเข้าไปเสนอระบบรื้อบ่อฝังกลบที่มีประสิทธิภาพสำหรับท่านที่เป็นนักลงทุนก็ลองศึกษาองค์ประกอบขยะดูว่าจะลองไปลงทุนทำธุรกิจพลังงานขยะในอินเดียดูบ้างไหม โรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งนี้ใจกว้างอนุญาตให้ผู้สนใจเข้าชมแม้กระทั่งระบบคัดแยกด้วยคน รวมทั้งระบบย่อยขยะโดยให้ดูจากด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยแต่ก็เห็นขยะที่ผ่านการย่อยไหลออกมาตามสายพานอย่างชัดเจน และไม่หวงที่จะให้ท่านเก็บภาพประทับใจกลับไปบ้าง ส่วนการคัดแยกด้วยคนซึ่งหลาย ๆ ประเทศมักจะปกปิดนั้น ผู้เขียนซึ่งเดินทางเยี่ยมชมการคัดแยกมาทั่วโลก ยอมรับว่าที่อินเดียนี้มีระบบไม่แพ้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะมีการดูดกลิ่นออกหรือการถ่ายเทของอากาศ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดจนกลายเป็น Unseen Technology
เราหยุดพักความประทับใจกับยุทธการเคลื่อนย้ายภูเขาขยะของนิวเดลี ประเทศอินเดีย กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของขยะในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจัง เก็บกวาดกฎระเบียบที่ล้าสมัยไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังขว้างงูไม่พ้นคอ ยังคงมีกฎระเบียบอีกไม่น้อยที่ยังรกรุงรังกว่าขยะทำให้การลงทุนนั้นยุ่งยาก ซึ่งคงต้องให้เวลาเป็นกลไกปรับเปลี่ยน เราหวังว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศผู้นำในการจัดการขยะแบบ Waste to Energy ในอาเซียนและเอเซียในที่สุด “วันนี้คุณช่วยคัดแยกขยะที่บ้านหรือยัง”
ที่มา: พิชัย ถิ่นสันติสุข, Modern Manufacturing Magazine: Alternative Energy