ไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ มากน้อยเพียงใด เพื่อให้ท่านมองภาพรวมของพลังงานจากขยะกรุงเทพมหานครได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างจังหวัดที่ใช้ไฟฟ้าใกล้เคียงกับขยะที่ กทม. ผลิตได้ ซึ่งได้แก่ ลำปาง พิษณุโลก ปราจีนบุรี ชัยภูมิ ประจวบคีรีขันธ์ และกระบี่ เป็นต้น หากเป็นไปได้จริง แล้วทำไม กทม. จึงไม่นำขยะทั้งหมดมาผลิตไฟฟ้า แล้วตอนนี้ขยะทั้งหมดของ กทม. กว่า 1 หมื่นตัน ไปอยู่ที่ไหน กับใคร… ?
จากการเสวนา “หนทางแก้วิกฤต มลพิษใน กทม.” จัดโดย นักบริหารมหานครระดับสูง รุ่นที่ 10 ซึ่งเป็นหลักสูตรอบรมผู้บริหารแบบเข้มข้นของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรียนทุกวันเหมือนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยมีหน่วยงานราชการที่ไม่สังกัด กทม. ร่วมอบรมด้วยจำนวนหนึ่ง การเสวนาได้มีการหยิบยกมลพิษในกรุงเทพมหานครมาพูดคุย แต่เรื่องที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษก็คือ ปัญหาขยะในมหานครใหญ่ระดับโลก ที่ได้รับการโหวตจากทั่วโลกว่าน่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แล้วมหานครแห่งนี้แก้ไขปัญหาขยะกันอย่างไร อะไรอยู่ใต้พรม อะไรอยู่บนโต๊ะ
ก่อนอื่นต้องขอชมการทำงานด้านขยะของ กทม. ว่าตลอดมาไม่ค่อยมีปัญหาให้ประชาชนเดือดร้อน และมีการคัดแยกเบื้องต้นจากการเก็บขนขยะมูลฝอยได้ดีจนมีผู้ที่อยู่ใน Value Chain นี้นับพันนับหมื่นครอบครัวสร้างรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อยให้มีกินมีใช้…ด้วยปริมาณขยะกว่า 1 หมื่นตันต่อวัน จากประชากรชาว กทม. รวมทั้งประชากรแฝง ประชากรจรแล้วไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ใน กทม. ซึ่งคาดว่าปัจจุบันมีขยะทั้งสิ้น 10,000-12,000 ตันต่อวันสูงต่ำตามฤดูกาลและภาวะเศรษฐกิจ กทม. ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนประมาณ 4 บริษัท ให้นำขยะไปกำจัดรายละเอียดในสัญญาเป็นอย่างไรยังเข้าไม่ถึงข้อมูลทราบเพียงว่าใช้งบประมาณจากภาษีของพวกเราปีละ 8,000 ล้านบาท และก็ฝังกลบอยู่ให้เห็น 2 แห่ง คือ นครปฐม และฉะเชิงเทรา ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า บ่อฝังกลบ กทม. โดยบริษัทเอกชนทั้งสองแห่งถือว่าดีที่สุดในอาเซียน (สิงคโปร์ไม่มีบ่อฝังกลบ) แล้วทำไม กทม. ยังเอาแต่ฝังกลบ ไม่รู้จักคำว่า “พลังงานขยะ” หรืออย่างไร ยังไม่มีผู้บริหารท่านใดตอบอย่างเป็นทางการ อาจจะเป็นนโยบายของผู้บริหารก็ได้ แต่ข่าวอย่างไม่เป็นทางการกระซิบว่า เคยคิดจะทำพลังงานจากขยะเหมือนกันแต่ติดที่ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ซึ่งทางสคร. (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) เป็นผู้ดูแล พ.ร.บ.นี้อยู่ โดย สคร. พยายามให้การจัดการขยะทุกรูปแบบเข้า พ.ร.บ.นี้ ถนนสาย สคร.นี้ยาวนัก อาจใช้เวลานานนับปี หรือมากกว่านั้น ด้วยเหตุนี้ กทม. และบริษัทเอกชนที่ได้รับว่าจ้างให้จัดการขยะก็เลยตั้งตาคอยว่านโยบายขยะที่เป็นวาระแห่งชาติจะลงเอยที่ตรงไหน?
นักวิพากษ์วิจารณ์บอกว่า อาจเป็นเพราะภาครัฐบังเอิญไปคาดการณ์ผลประโยชน์เอาเองว่า ขยะวันละ 12,000 ตัน ถ้าใครทำให้เกิดผลประโยชน์เพียงตันละ 100 บาท ก็เท่ากับวันละ 1,200,000 บาท ปีละเท่าไหร่อย่าไปคำนวณให้ไม่สบายใจเลย ไหน ๆ ก็จ่ายค่ากำจัดขยะไปแล้วกว่าปีละ 8,000 ล้านบาท สคร. ก็เลยเห็นว่าน่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
คราวนี้หันมามองแผนธุรกิจของฝ่ายที่เห็นว่าน่าจะนำขยะ 12,000 ตันต่อวันของ กทม. มาผลิตไฟฟ้า โดยเอกชนลงทุนให้ทั้งหมด 100% แต่ กทม. ต้องขนขยะมาให้ที่หน้าโรงงาน ดูจากแผนภาพประกอบ ขยะทั้งหมดจะได้รับการคัดแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ขยะอินทรีย์ประมาณ 45% จะนำไปผลิต Biogas เพื่อผลิตไฟฟ้า และส่วนที่เป็นขยะแห้งจะมีการแยก Inert waste ประเภทแก้ว หิน ดิน ทราย ไปฝังกลบ หรือปูพื้นถนน ส่วนที่เป็นโลหะต่าง ๆ ก็นำไปขาย และส่วนที่ติดไฟได้ดีอีกราว 40% จะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงคุณภาพดีที่เราเรียกว่า RDF :Refuse Derived Fuel มีค่าคลอไรด์ไม่เกิน 1% ความชื้นไม่เกิน 30% ค่าความร้อน 3,500-4,000 kal/kg โดยปกติ RDF คุณภาพดีก็มีราคาค่างวดตั้งแต่ตันละ 500-1,500 บาท ตามประกาศราคารับซื้อของกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่รับซื้อไม่จำกัดจำนวน เมื่อนำปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะ กทม. มาคำนวณดู ผู้ลงทุนจะมีรายได้จากการจำหน่ายให้การไฟฟ้าปีละไม่น้อยกว่าเมกะวัตต์ละ 45 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญา 20 ปี และหากว่าขยะ กทม. สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 250 เมกะวัตต์ คูณด้วย 45 ล้านบาทแล้ว ก็จะมีรายได้เท่ากับ 11,250 ล้านบาทต่อปี อย่าไปคูณด้วย 20 ปีเลย เดี๋ยวจะมีหน่วยงานรัฐบางแห่งไม่สบายใจ ก็พลอยทำให้ Waste To Energy ของกทม. แท้งก่อนเกิด
“ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่า ๆ” คำกล่าวนี้อมตะที่สุดภาคเอกชนลงทุนกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงอย่างการจัดการขยะ ช่วยรับความเสี่ยงแทน กทม. ผู้มีอำนาจและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันปรับ Mind Set แล้วขับเคลื่อนพลังงานขยะ 250 เมกะวัตต์ของ กทม. กันเถิด อย่าไปสนใจว่าใครจะได้อะไร ขอเพียงแต่อย่าเอาขยะไปเผาสด ๆ โดยไม่คัดแยก จะมีแต่เสีย คือ 1. สูญเสียทรัพยากรที่ยังมีประโยชน์ในขยะ 2. ผลิตไฟฟ้าได้น้อย 3. ควบคุมสารประกอบซึ่งก่อมะเร็ง (ไดออกซิน) ได้ยาก “วันนี้คุณช่วยกันคัดแยกขยะที่บ้านหรือยัง”
ที่มา: พิชัย ถิ่นสันติสุข, Green Network, August 2015